สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวในวันอังคาร (17 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความพยายามทางการทูตของสหรัฐและการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ เพื่อประเมินว่าความพยายามเหล่านี้จะสามารถป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้างหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 89.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดัน หลังจากนายโธมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในสหรัฐจะสร้างแรงกดดันต่ออุปสงค์ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าแรงกดดันดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า สหรัฐเตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา หลังจากที่รัฐบาลเวเนซุเอลาลงนามในข้อตกลงกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ในปีหน้า ซึ่งจะมีตัวแทนจากต่างชาติเข้าสังเกตการณ์
นักลงทุนจับตาปธน.ไบเดนซึ่งจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ (18 ต.ค.) โดยจะเข้าพบนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพื่อแสดงการสนับสนุนอิสราเอลในการปกป้องตนเองจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส ขณะที่สงครามได้ย่างเข้าสู่วันที่ 11 และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่า ปธน.ไบเดนจะเรียกร้องให้อิสราเอลใช้ความยับยั้งชั่งใจในการโจมตีฉนวนกาซาเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตพลเรือน รวมทั้งคัดค้านแนวคิดของอิสราเอลที่จะยึดครองฉนวนกาซา
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงอัมมานของจอร์แดนเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสี่ฝ่าย ประกอบด้วยปธน.ไบเดน, กษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน, นายอับเดล ฟัตตาห์ อัล ซีซี ประธานาธิบดีอียิปต์ และนายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์จากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส