ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้านี้ หลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความกังวลว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มบานปลายนั้นจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ณ เวลา 10.28 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.32% แตะที่ระดับ 88.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของ API ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล
ส่วนตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาไทย
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า วิกฤตการณ์ในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน หลังจากมีรายงานว่าชาวปาเลสไตน์ราว 500 รายถูกสังหารจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลอัล-อะฮ์ลี อัล-อาราบี (Al-Ahli al-Arabi) ในเมืองกาซาซิตีเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ซึ่งอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงในเขตเวสต์แบงก์และในตะวันออกกลาง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐจะเดินทางเยือนอิสราเอลเในวันนี้ (18 ต.ค.) เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์