สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันพุธ (18 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจจะได้รับผลกระทบ หลังจากอิหร่านเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรน้ำมันต่ออิสราเอล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 88.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 91.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 800,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นหลังจากนายฮุสเซน อาเมียร์ อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องให้องค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) ออกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิสราเอล ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน และขับเอกอัครราชทูตอิสราเอลออกจากประเทศสมาชิก OIC เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซา
อย่างไรก็ดี กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะจัดการประชุมฉุกเฉิน หรือดำเนินการใด ๆ ตามที่อิหร่านเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรน้ำมันต่ออิสราเอล โดยระบุว่าโอเปกไม่ใช่องค์กรทางการเมือง
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 ของจีนขยายตัว 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 4.6%