สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (20 ต.ค.) หลังจากกลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันสหรัฐ 2 รายจากฉนวนกาซา ซึ่งทำให้มีความหวังว่า วิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์อาจคลี่คลายลง โดยไม่ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในตะวันออกกลางจนส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 88.75 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 88.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 92.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ 1.2% และ 1.4% ตามลำดับ โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ตลาดน้ำมันปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน หลังจากที่นายอาบู อูไบดา โฆษกของกลุ่มฮามาสเปิดเผยในวันศุกร์ว่า กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันสหรัฐ 2 คนจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแม่และลูกสาวของเธอ ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม เพื่อตอบรับต่อความพยายามของกาตาร์ในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งท่ามกลางการทำสงครามกับอิสราเอล
นายจอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์ของอะเกน แคปิตอลกล่าวว่า "ตะวันออกกลางจะยังคงเป็นจุดสนใจของตลาด เพราะความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทั่วภูมิภาคอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน"
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันก็ยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ภาวะตลาดที่ตึงตัวในไตรมาส 4 หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ขยายระยะเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นปีนี้
จิโอวานนี่ สตาอูโนโว นักวิเคราะห์ของยูบีเอสกล่าวว่า สต็อกน้ำมันที่ลดลงอย่างมากในสหรัฐก็ยังคงช่วยหนุนตลาดด้วย โดยยูบีเอสคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวในช่วง 90-100 ดอลลาร์/บาร์เรลในระยะต่อไป