สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรง หลังจากอิสราเอลประกาศความพร้อมที่จะโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาด รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในยุโรป
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.65 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 85.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 90.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด โดยกองทัพอิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อคืนนี้ ขณะที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา
ทางด้านนายอิสราเอล กัตซ์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอิสราเอลยืนยันกับหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีว่า อิสราเอลจะไม่ล้มเลิกแผนการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เนื่องจากยังมีชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน
รายงานระบุว่า กูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบท ประกาศระงับการใช้งานแอปพลิเคชันการดูสภาพการจราจร หรือ Google Maps ในอิสราเอลและฉนวนกาซา ตามคำขอของกองทัพอิสราเอล ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 240,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 160,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล