สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ซึ่งทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มลดน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์พลังงานที่ซบเซาลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.55% ปิดที่ 83.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 87.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า อิสราเอลได้ชะลอการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินโจมตีฉนวนกาซาตามคำขอของทางการสหรัฐ เพื่อสนับสนุนความพยายามทางการทูตในการปล่อยตัวประกันจากกลุ่มฮามาส รวมทั้งเปิดช่องทางสำหรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อพลเรือนในฉนวนกาซา
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐต้องการให้อิสราเอลชะลอการโจมตีทางภาคพื้นดินนั้น ก็เพื่อให้สหรัฐสามารถเร่งติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธสำหรับปกป้องกองกำลังของสหรัฐที่ประจำการในภูมิภาค เนื่องจากสหรัฐเชื่อว่ากลุ่มติดอาวุธจะทำการโจมตีกองกำลังของสหรัฐในภูมิภาคทันทีที่อิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดินโจมตีฉนวนกาซา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันถูกกระทบจากสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 240,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 160,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 900,000 บาร์เรล