สัญญาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 83 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังราคาดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 22.54 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.44 ดอลลาร์ หรือ 0.53% สู่ระดับ 82.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลงเกือบ 4% ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ออกรายงานระบุว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสลุกลามออกนอกภูมิภาค และทำให้อิหร่านเข้าร่วมในความขัดแย้งดังกล่าว ก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 250 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวได้ประเมินผลกระทบของสงครามออกเป็น 3 ฉากทัศน์ โดยระบุว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสทำให้เกิดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และทำให้การขนส่งน้ำมันหยุดชะงักลง เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งเหนือระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล
และหากสงครามมีการขยายตัวจนทำให้การขนส่งน้ำมันลดลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันก็จะพุ่งสูงกว่าระดับ 150 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ ในกรณีเลวร้ายที่สุด หากสหรัฐทำการโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ต่อการให้ความช่วยเหลือต่อกลุ่มฮามาส และทำให้อิหร่านปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซ เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 250 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ