สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันอังคาร (7 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน รวมทั้งรายงานการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.45 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 77.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.57 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 81.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิโอวานนี สตาโนโว นักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอสกล่าวว่า ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มโอเปกส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศของกลุ่มตะวันออกกลางชะลอตัวลง
ตลาดยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนลดลง 6.4% สู่ระดับ 2.748 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.3% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์สินค้าและบริการของจีนที่อ่อนแอในตลาดโลก
ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่า โรงกลั่นน้ำมันของจีนจะลดปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำกัดอุปสงค์น้ำมันในประเทศ
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ 105.5460 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้