สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนในวันพุธ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 75.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.07 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 79.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.
วอร์เรน แพทเทอร์สัน นักวิเคราะห์จากบริษัทไอเอ็นจีกล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเนื่องจากตลาดมีความกังวลน้อยลงว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน ส่วนอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันคือการรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 12 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ประกาศเลื่อนการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันในวันพุธที่ 8 พ.ย. เนื่องจากมีการปรับปรุงระบบ และจะมีการรายงานตามปกติในวันพุธที่ 15 พ.ย.
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 พ.ย.) EIA ได้ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมัน WTI ในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 89.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งลดลง 1.8% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค. พร้อมกับปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์ในปี 2567 สู่ระดับ 93.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.8% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.เช่นกัน
ขณะเดียวกัน EIA คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐจะลดลง 1% ในปี 2567 ซึ่งจะทำให้การใช้น้ำมันเบนซินต่อหัวของชาวอเมริกันต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยมีสาเหตุจากการที่ประชาชนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น, การที่รถยนต์มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น และการที่อุปสงค์น้ำมันลดลงจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อแอของจีนยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนลดลง 6.4% สู่ระดับ 2.748 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.3% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์สินค้าและบริการของจีนที่อ่อนแอในตลาดโลก
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของจีนในวันนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI อาจลดลง 0.1% และดัชนี PPI อาจลดลง 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี