ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน
ณ เวลา 09.41 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.76% แตะที่ 76.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 2% โดยได้แรงหนุนจากการที่อิรักสนับสนุนให้กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีกก่อนการประชุมในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่เมื่อพิจารณาตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 4%
ฮิโรยูกิ คิคูกาวะ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอ็นเอส เทรดดิ้งกล่าวว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงในสหรัฐและจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่จะมีต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมัน WTI ในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 89.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งลดลง 1.8% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค. พร้อมกับปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์ในปี 2567 สู่ระดับ 93.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.8% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.เช่นกัน
ขณะเดียวกัน EIA คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐจะลดลง 1% ในปี 2567 ซึ่งจะทำให้การใช้น้ำมันเบนซินต่อหัวของชาวอเมริกันต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยมีสาเหตุจากการที่ประชาชนทำงานจากที่บ้านมากขึ้น, การที่รถยนต์มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น และการที่อุปสงค์น้ำมันลดลงจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อแอของจีนยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนลดลง 6.4% สู่ระดับ 2.748 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.3% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์สินค้าและบริการของจีนที่อ่อนแอในตลาดโลก