สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (15 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าคาด และการผลิตน้ำมันในสหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน
ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง และได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 2.46 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.44 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในเอเชียซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ปรับตัวลง 2.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.6% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 26 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2567