สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 4% ในวันศุกร์ (17 พ.ย.) โดยราคาดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่เข้าทดสอบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไรและชดเชยการทำชอร์ตเซลล์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 2.99 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 3.19 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 80.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรในสัปดาห์นี้กับบริษัทเดินเรือและเรือขนส่งน้ำมันของรัสเซียที่ขายน้ำมันเกินกว่าเพดานราคาสูงสุดของกลุ่มประเทศ G7
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ยังคงปรับตัวลงมากกว่า 1% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ และการผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รุนแรงขึ้นและการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมของจีนนั้น ยังคงส่งผลกดดันตลาด
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสในวันที่ 26 พ.ย.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2567