สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ (20 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 77.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากโอเปกว่า การประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 26 พ.ย.นี้ จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอเปกพลัสมีข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2567
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI และราคาน้ำมันเบรนท์ต่างก็ร่วงลงกว่า 1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาด รวมทั้งมุมมองที่ว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะไม่ลุกลามออกนอกภูมิภาค
แอมริตา เซน นักวิเคราะห์จากบริษัท Energy Aspects คาดการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจไปจนถึงไตรมาส 1/2567 หรืออาจจะปรับลดต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพุธ