สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (28 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข่าวคาซัคสถานผลิตน้ำมันลดลงเนื่องจากพายุพัดกระหน่ำ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 81.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
โอเปกพลัสจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของปี 2567 ผ่านระบบออนไลน์ในวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย.นี้ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียสามารถบรรลุฉันทามติกับสมาชิกโอเปกพลัสในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมดังกล่าว
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า บ่อน้ำมันขนาดใหญ่ 3 แห่งในคาซัคสถานได้ปรับลดการผลิตน้ำมันรวมกัน 56% ต่อวัน เนื่องจากผลกระทบของพายุที่พัดกระหน่ำในภูมิภาคทะเลดำ
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน เนื่องจากทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 817,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย