สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 72.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 77.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2566 หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.33% แตะที่ระดับ 104.0498 เมื่อคืนนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสได้ตกลงที่จะลดการผลิตน้ำมันลงประมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 แต่ยอดรวมการปรับลดดังกล่าวนั้นรวมถึงปริมาณการปรับลดโดยสมัครใจของซาอุดีอาระเบียและรัสเซียที่ดำเนินอยู่แล้วในปัจจุบันที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ฟิโอนา ซินคอตตา นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX กล่าวว่า การปรับลดกำลังการผลิตในลักษณะสมัครใจเช่นนี้ ทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หรือไม่
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ถูกมูดี้ส์ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ โดยระบุถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในระยะกลาง และความเสี่ยงจากวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 594,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย