สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 76.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก IEA ออกรายงานคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 650,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.88% แตะระดับ 101.957 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในการประชุมเดือนก.ย.
ทั้งนี้ นักลงทุนมีความหวังว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวขึ้นด้วย