สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) หลังปรับตัวผันผวน โดยราคาร่วงลงระหว่างวันมากถึง 1 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 71.43 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดบวก 0.3% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 76.55 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปิดบวก 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้า หลังผลสำรวจภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กบ่งชี้ว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอลงในปีหน้า
เฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ต่ำกว่าคาดในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) โดยรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงสู่ระดับ -14.5 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +2.0 จากระดับ +9.1 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากความเห็นของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกถ่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือ หลังมีรายงานข่าวว่า เมอส์ก (Maersk) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเดนมาร์ก ได้ประกาศระงับการเดินเรือผ่านช่องแคบบับ อัล-มันดับในทะเลแดง เนื่องจากเผชิญภัยคุกคามจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีจากเยเมน
เมอส์กระบุว่า ทางบริษัทจะระงับการใช้เส้นทางเดินเรือดังกล่าว จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
เมอส์กเปิดเผยว่า เมอส์ก ยิบรอลตาร์ (Maersk Gibraltar) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท ได้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของขีปนาวุธเมื่อวานนี้ ขณะเดินทางจากเมืองซาลาลาห์ของโอมานไปยังเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย