กระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และทรัพยากรของออสเตรเลียเปิดเผยคาดการณ์ในวันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า รายได้จากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลียมีแนวโน้มหดตัวลงในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากราคาแร่เหล็ก ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินลดลง
รายงานรายไตรมาสของทางกระทรวงฯ ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้รายได้จากการส่งออกลดลงมาจากการหยุดชะงักของอุปทานที่เกิดขึ้นน้อยลง การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างชะลอตัว ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้น
มูลค่าการส่งออกพลังงานและทรัพยากรจะร่วงลงสู่ระดับ 4.08 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้จนถึงเดือนมิ.ย. 2567 ลดลง 12% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีก่อนหน้า และจะมีการชะลอตัวมากขึ้นสู่ระดับ 3.48 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2567-2568
ขณะที่ภาคเหมืองแร่ของออสเตรเลีย ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นมากกว่า 13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เคยได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน แต่ภาวะตลาดบูมอันเกิดจากการขาดแคลนอุปทานดังกล่าวก็ได้หมดลงแล้ว
ทั้งนี้ ความสำคัญของสินค้าส่งออกแบบดั้งเดิมของออสเตรเลีย เช่น แร่เหล็กและถ่านหิน คาดว่าจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยออสเตรเลียหันมาตั้งเป้าเพิ่มการผลิตแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ซึ่งรวมถึงลิเทียม นิกเกิล และทองแดง
กระทรวงฯ ระบุว่า ราคาแร่เหล็กเคยได้รับแรงหนุนจากมาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน แต่ก็มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงจากระดับราคาปัจจุบันในอีก 2 ปีข้างหน้า