สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (19 ธ.ค.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบ หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง ซึ่งทำให้การค้าทางทะเลเผชิญปัญหาติดขัด และส่งผลให้บริษัทเดินเรือหลายแห่งตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.34% ปิดที่ 73.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
เอพี โมลเลอร์-เมอส์ก (A.P. Moller-Maersk) บริษัทขนส่งทางเรือและโลจิสติกส์ของเดนมาร์กเปิดเผยว่า บริษัทจะเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือไปทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในทะเลแดง หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีได้โจมตีเรือหลายลำ โดยขณะนี้เรือขนส่ง 20 ลำของเมอส์กกำลังจอดเทียบท่าอยู่ทั้งสองฝั่งของคลองสุเอซ และจะเดินทางอ้อมทวีปแอฟริกาผ่านแหลมกู๊ดโฮป
นอกจากนี้ บริษัทขนส่งทางทะเล เช่น บีพี (BP) ของอังกฤษ และเอควินอร์ (Equinor) ของนอร์เวย์ กำลังหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางทะเลแดง เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากกลุ่มกบฎฮูตีเช่นกัน
ทางด้านสหรัฐได้ประกาศจัดตั้งหน่วยพิเศษร่วมกับชาติพันธมิตรอีกหลายประเทศ ภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อว่า "Operation Prosperity Guardian (ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความรุ่งเรือง)" เพื่อรับมือกับการโจมตีของกลุ่มกบฎฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ฟิโอนา ซินคอตตา นักวิเคราะห์จากบริษัท City Index กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นยาวนานเท่าใด และแม้ว่าสหรัฐจะเปิดตัวปฏิบัติการ Operation Prosperity Guardian เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเรือที่แล่นผ่านทะเลแดงจะได้รับความปลอดภัย แต่บริษัทเดินเรือส่วนใหญ่ก็ยังคงวิตกกังวล
อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เนื่องจากการเปลี่ยนเส้นทางของเรือบรรทุกสินค้าจะทำให้เรือเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการโจมตีดังกล่าว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย