สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (20 ธ.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันและการค้าโลกอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงถูกโจมตีโดยกลุ่มกบฏฮูตี แต่แรงบวกของราคาน้ำมันถูกสกัดโดยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.59% ปิดที่ 79.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่าเรือบรรทุกสินค้ารายใหญ่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านทะเลแดง ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าใช้เวลานานขึ้นและต้นทุนการประกันก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
แต่ราคาน้ำมันลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังอ่อนแรงลงหลังจากสำนักข่าว Ahram Online ของทางการอียิปต์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส นำโดยนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ได้เดินทางไปยังกรุงไคโรของอียิปต์เมื่อวานนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่อียิปต์เกี่ยวกับการพักรบครั้งใหม่ในฉนวนกาซา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับอิสราเอล