สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า แองโกลาจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจเกี่ยวกับความพยายามของโอเปกในการพยุงราคาน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 73.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 79.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากนายเดียมานติโน อาเซเวโด รัฐมนตรีพลังงานของแองโกลากล่าวว่า แองโกลาจะถอนตัวออกจากโอเปก เนื่องจากการเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปกไม่เป็นประโยชน์กับแองโกลา
ทั้งนี้ แองโกลาผลิตน้ำมันราว 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่กลุ่มโอเปกมีกำลังผลิตรวมกันอยู่ที่ 28 ล้านบาร์เรล/วัน
แมตต์ สมิธ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kpler กล่าวว่า การถอนตัวของแองโกลาอาจจะบั่นทอนความพยายามของกลุ่มโอเปกในการพยุงราคาน้ำมัน และก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นเอกภาพและทิศทางของโอเปก แม้ว่าแองโกลาเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันไม่มากก็ตาม
รายงานระบุว่า ในการประชุมเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา แองโกลาได้คัดค้านการตัดสินใจของโอเปกในการลดโควต้าการผลิตน้ำมันของแองโกลาสำหรับปี 2567 เพื่อพยุงราคาน้ำมัน
ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.3 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ที่ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล