สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (26 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มกบฏฮูตียังคงโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 75.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 81.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ใช้ขีปนาวุธโจมตีเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งในทะเลแดงเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสารเตือนสหรัฐและชาติพันธมิตรให้รีบถอนกองกำลังชุดเฉพาะกิจออกจากทะเลแดงโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทะเลแดงจะกลายเป็น "ทะเลเพลิง"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐประกาศเปิดตัวปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian) ร่วมกับชาติพันธมิตรอีกกว่า 10 ประเทศ เพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มฮูตี
ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดตัวปฏิบัติการดังกล่าวเพียงไม่กี่วัน เมอส์ก (Maersk) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์กประกาศว่าบริษัทจะกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี เมอส์กได้แสดงความกังวลว่า สถานการณ์โดยรวมยังคงมีความเสี่ยง และบริษัทจะประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเรือและลูกเรือเป็นระยะ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.7% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 2567
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค.