ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่ากองทัพเรือสหรัฐได้จมเรือของกลุ่มกบฏฮูตีในทะเลแดง เพื่อตอบโต้กบฏฮูตีที่ใช้ขีปนาวุธโจมตีเรือขนส่งสินค้าของบริษัทเมอส์ก (Maersk) ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
ณ เวลา 10.29 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.63% แตะที่ระดับ 72.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซามีแนวโน้มที่จะขยายวง หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้กองทัพอิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างไร้มนุษยธรรมกับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเตือนว่าจะโจมตีเรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลโดยไม่สนใจสัญชาติ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์
กองทัพเรือสหรัฐได้ยิงสกัดขีปนาวุธ 2 ลูกที่กลุ่มกบฏฮูตียิงเข้าใส่เรือเมอส์ก หางโจว (Maersk Hangzhou) เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) หลังจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากลูกเรือลำดังกล่าว แต่กลุ่มกบฎฮูตียังคงเดินหน้าโจมตีเรือเมอส์ก หางโจวในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 31 ธ.ค. ด้วยการส่งเรือเล็ก 4 ลำเข้าประชิดโดยมีเป้าหมายที่จะบุกขึ้นไปบนเรือสินค้าลำนี้ ส่งผลให้กองทัพเรือสหรัฐตอบโต้ด้วยการจมเรือ 3 ใน 4 ลำของกบฏฮูตี และสังหารกบฏบนเรือเล็กทั้ง 3 ลำได้ทั้งหมด ส่วนเรือเล็กอีกลำหนึ่งสามารถหนีรอดไปได้
รายงานล่าสุดระบุว่า ขณะนี้อิหร่านได้ส่งเรือรบอัลบอร์ซ (Alborz) เข้าสู่ทะเลแดงแล้ว หลังจากกองทัพเรือสหรัฐจมเรือของกบฏฮูตีซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุน โดยสำนักข่าวตัสนีมของอิหร่านอ้างว่า ที่ผ่านมานั้นเรือรบอัลบอร์ซได้ปฏิบัติการในน่านน้ำเปิด และทำหน้าที่ปกป้องเส้นทางเดินเรือและต่อสู้กับโจรสลัด และได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมานับตั้งแต่ปี 2552