สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งในอ่าวโอมาน ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 72.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
สื่ออิหร่านรายงานว่า กองทัพเรืออิหร่านได้เข้ายึดเรือเซนต์นิโคลาส (St. Nikolas) ในอ่าวโอมานเมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยเรือดังกล่าวเป็นเรือบรรทุกน้ำมันซึ่งอิหร่านเคยมีข้อพิพาทกับสหรัฐเมื่อเดือนต.ค. 2566 โดยสหรัฐได้กล่าวหาว่าเรือเซนต์นิโคลาสได้ละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐด้วยการขนส่งน้ำมันของอิหร่าน ทำให้เรือดังกล่าวต้องยอมให้สหรัฐยึดน้ำมันดิบของอิหร่านที่อยู่ในเรือ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับอิหร่าน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐถือเป็นการปล้นน้ำมันของอิหร่าน จนนำมาสู่การยึดเรือเซนต์นิโคลาสเมื่อช่วงเย็นวานนี้
นักลงทุนมองว่าการที่อิหร่านยึดเรือเซนต์นิโคลาส และการที่กลุ่มกบฏฮูตียังคงเดินหน้าโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง จะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความตึงเครียดมากขึ้นและอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาค นอกจากนี้ คาดว่าการที่ลิเบียยังคงปิดบ่อน้ำมันชาราราเนื่องจากประสบปัญหาการประท้วงของคนงานนั้น จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดของอิสราเอลนั้น รัฐบาลอิสราเอลเตรียมต่อสู้คดีในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา โดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก ได้เปิดการพิจารณาคดีในวันที่ 11-12 ม.ค. ในคดีที่แอฟริกาใต้ยื่นคำร้องเมื่อเดือนธ.ค. โดยระบุว่าการที่อิสราเอลเข้าทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซานั้นละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1948 (พ.ศ. 2491)
ตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.8% จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.