สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (16 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดง และรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 72.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 78.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวน โดยสัญญาน้ำมันดีดตัวขึ้นในช่วงแรก หลังจากมีรายงานว่า กองทัพสหรัฐได้ทำการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนระลอกใหม่เมื่อวานนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่ขีปนาวุธต่อต้านเรือของกลุ่มฮูตี ซึ่งการโจมตีครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มฮูตีได้ยิงขีปนาวุธโจมตีเรือสินค้าของสหรัฐขณะแล่นอยู่ที่อ่าวเอเดนนอกชายฝั่งเยเมน
แต่สัญญาน้ำมันอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.74% แตะที่ระดับ 103.357 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า สภาพอากาศในหลายพื้นที่ของสหรัฐจะอบอุ่นขึ้นในช่วงปลายเดือนม.ค. ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันฮีทติ้งออยล์ชะลอตัวลง
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในทะเลแดงอย่างใกล้ชิด หลังจากนายนารุดดีน เอเมอร์ โฆษกของกลุ่มกบฏฮูตีเตือนว่า ฮูตีจะขยายเป้าหมายการโจมตีเรือสินค้าที่แล่นผ่านทะเลแดง ซึ่งรวมถึงเรือสินค้าของสหรัฐ หลังจากสหรัฐใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มฮูตีในเยเมน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพฤหัสบดีนี้