สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (17 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ส่งผลให้การผลิตน้ำมันในพื้นที่บางแห่งของสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์พลังงานในจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 72.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 77.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐนอร์ท ดาโคตา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐ เผชิญกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาฟาเรนไฮต์ ส่งผลให้การผลิตน้ำมันในรัฐแห่งนี้ลดลงราว 650,000 - 700,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นเป็นสัดส่วนสูงกว่า 50% ของการผลิตในภาวะปกติ
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า GDP จีนขยายตัว 5.2% ในไตรมาส 4/2566 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.3% และทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะฟื้นตัวในปีนี้หรือไม่
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 480,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เวลาประมาณ 23.00 น.ตามเวลาไทย