สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (24 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 75.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 80.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 12.3 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.3 ล้านบาร์เรล/วันในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ซึ่งคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน โดยรายงานระบุว่า กองกำลังของ 24 ชาติซึ่งนำโดยสหรัฐและอังกฤษได้เปิดปฏิบัติการโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนระลอกใหม่ หลังจากกลุ่มฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและสร้างความเสียหายต่อการค้าโลก