สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (7 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 73.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 79.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล
แต่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบในปีนี้ ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (Short-Term Energy Outlook) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเพียง 170,000 บาร์เรล/วัน ลดลงจากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 290,000 บาร์เรล/วัน
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตึงเครียดในตะวันออกกลางและผลกระทบที่อาจมีต่ออุปทานน้ำมัน โดยล่าสุดนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า ชัยชนะในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซานั้นอยู่แค่เอื้อม พร้อมกับปฏิเสธข้อเสนอจากกลุ่มฮามาสที่ต้องการพักรบชั่วคราวเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกัน