สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.) หลังจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 76.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.42 ดอลลาร์ หรือ 3.06% ปิดที่ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส พร้อมกับประกาศว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดจากการสู้รบในฉนวนกาซาภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน
รายงานระบุว่า ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของฉนวนกาซาและติดกับชายแดนอียิปต์ กำลังหวาดวิตกเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่นายเนทันยาฮูมีคำสั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมเข้าโจมตีเมืองดังกล่าว
ด้านองค์การสหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์ระบุว่า นานาชาติควรดำเนินการทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของอิสราเอลต่อเมืองราฟาห์ พร้อมกับเตือนว่าการโจมตีเมืองราฟาห์จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่พำนักสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์ หลังจากอพยพถอยร่นจากตอนเหนือและตอนกลางของฉนวนกาซา
นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 บาร์เรล ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง