สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ (12 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกส่งผลให้ราคาน้ำมันอ่อนแรงลง หลังจากที่พุ่งขึ้นกว่า 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 76.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.23% ปิดที่ 82.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยผลสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคประจำเดือนม.ค.ซึ่งระบุว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในระยะเวลา 1 ปีและ 5 ปียังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%
นักลงทุนวิตกว่า หากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อทำให้เฟดตัดสินใจชะลอเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งจับตาการเปิดเผยเงินเฟ้อของอังกฤษ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน ในวันพุธนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในทะเลแดง รวมทั้งการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด โดยล่าสุดแอมเบรย์ (Ambrey) ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางทะเลของอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เรือบรรทุกสินค้าเทกองลำหนึ่งของกรีซซึ่งติดธงหมู่เกาะมาร์แชลล์ ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธถึง 2 ครั้งภายในเวลาเพียง 2 นาที ขณะแล่นผ่านช่องแคบบับอัลมันดับ (Bab al-Mandab) ทางตอนใต้สุดของทะเลแดง โดยมีรายงานว่าเรือได้รับความเสียหายบางส่วน
ส่วนสถานการณ์ในฉนวนกาซานั้น นายอาบู โอไบดา โฆษกของกองพลน้อยอัล-กัสซัม (al-Qassam) ของกลุ่มฮามาส แถลงว่า ตัวประกันชาวอิสราเอล 3 รายเสียชีวิตจากการที่กองทัพอิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีฉนวนกาซาเมื่อวานนี้