สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (16 ก.พ.) เนื่องจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางได้บดบังการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันชะลอตัว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 79.19 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นราว 3% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 83.47 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ความขัดแย้งจะขยายวงกว้างในตะวันออกกลางนั้นเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
เมื่อวันพฤหัสบดี กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยว่า ได้ยิงจรวดหลายสิบลูกเข้าใส่เมืองทางเหนือของอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อการสังหารพลเรือน 10 คนในภาคใต้ของเลบานอน
การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยเครื่องบินรบของอิสราเอลทำการโจมตีเมืองราฟาห์ซึ่งเป็นที่หลบภัยแห่งสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
นอกจากนี้ ภัยคุกคามในทะเลแดงก็ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากมีการยิงขีปนาวุธจากเยเมนเข้าใส่เรือบรรทุกน้ำมันดิบที่มุ่งหน้าไปยังอินเดีย
ตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลง ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้นอาจหนุนความต้องการน้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดว่า การใช้น้ำมันจะยังคงเพิ่มขึ้นในช่วง 20 ปีข้างหน้า