สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (20 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 78.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 82.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
โรเบิร์ต ทัมเมล นักวิเคราะห์จากบริษัท Tortoise Capital กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital LLC กล่าวว่า แม้นักลงทุนมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันและเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน แต่นักลงทุนก็ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มซบเซาลง
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.พ. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะขยายตัวเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ซึ่งลดลงเกือบ 50% จากที่มีการขยายตัว 2.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566
IEA ระบุในรายงานว่า "การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในช่วงหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เริ่มชะลอตัวลงแล้ว และเราคาดว่าอุปทานน้ำมันจะอยู่สูงกว่าอุปสงค์ โดยอุปทานจะขยายตัว 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ บราซิล แคนาดา และกายอานา"