สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (21 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 83.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยกองบัญชาการกลางของสหรัฐอเมริกา (CENTCOM) รายงานว่ากลุ่มกบฏฮูตีได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกเข้าใส่เรือให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมลำหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าสู่เยเมน
ขณะที่โฆษกของ Hapag-Lloyd ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือของเยอรมนีกล่าวว่า ทางบริษัทยังคงระงับการใช้เส้นทางทะเลแดงเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของกลุ่มฮูตี โดยบริษัทจะแล่นเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮปของแอฟริกา
ส่วนสถานการณ์ในฉนวนกาซานั้น สำนักงานบรรเทาทุกข์และการทำงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ได้แสดงความกังวลว่า ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซายังคงต้องหาที่หลบภัยตามซากปรักหักพังของโรงเรียนที่ดำเนินการโดย UNRWA โดยชาวปาเลสไตน์เหล่านี้ไม่มีที่จะไป เนื่องจากไม่มีสถานที่ปลอดภัย ขณะที่กองทัพอิสราเอลยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเสียชีวิตอย่างน้อย 29,313 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กมากกว่า 12,300 ราย นับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ต.ค.2566 นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 69,333 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กมากกว่า 8,663 ราย และมีผู้สูญหายมากกว่า 7,000 ราย
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนรอดูข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 23.00 น.ตามเวลาไทย