สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 3% ในวันศุกร์ (23 ก.พ.) และปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดอาจเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีกอย่างน้อย 2 เดือน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 76.49 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ร่วงลงมากกว่า 3%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 81.62 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลงราว 2% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันปรับตัวลงหลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ก.พ.) ว่า ผู้กำหนดนโยบายการเงินของเฟดควรชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปอีก 2-3 เดือน ซึ่งอาจส่งผลชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสกัดกั้นความต้องการใช้น้ำมัน
เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.5% นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2566 และการเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วเกินไป
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันปรับตัวลงหลังมีรายงานว่า การเจรจาเพื่อให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซายังคงดำเนินต่อไปในกรุงปารีส เพื่อยุติความขัดแย้งในปาเลสไตน์และเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ
นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันระบุว่า การเจรจาหยุดยิงอาจทำให้ตลาดคาดว่าความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จะลดลง
ตลาดยังถูกถ่วงลง หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านพลังงานเปิดเผยว่า บรรดาบริษัทพลังงานของสหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันมากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนพ.ย. และมากที่สุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 โดยแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 503 แท่นในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงที่แข็งแกร่ง และความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมัน อาจหนุนราคาขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้
นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในรอบเดือนที่นับถึงวันที่ 21 ก.พ.
ส่วนความตึงเครียดในทะเลแดงยังคงดำเนินต่อไป โดยการโจมตีของกลุ่มฮูตีใกล้เยเมนเมื่อวันพฤหัสบดีทำให้เรือขนส่งจำนวนมากขึ้นเลี่ยงเดินเรือในเส้นทางการค้าของทะเลแดง