สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (26 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงและจากการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตร
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดที่ 82.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มฮูตีซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเยเมน ขู่ว่าจะปิดช่องแคบบับเอลมันเดบโดยสิ้นเชิงภายในอีกไม่กี่วัน หลังจากฮูตีถูกกองทัพสหรัฐและอังกฤษทิ้งระเบิดถล่มเมืองโฮไดดาห์ซึ่งเป็นเมืองท่าที่เป็นที่ตั้งของฐานทัพฮูตี นอกจากนี้ การปิดช่องแคบบับเอลมันเดบยังมีเป้าหมายที่จะกดดันให้อิสราเอลยุติสงครามในฉนวนกาซา
หลายฝ่ายกังวลว่าการปิดช่องแคบดังกล่าวจะส่งผลให้การค้าโลกและการขนส่งน้ำมันเผชิญภาวะชะงักงัน เนื่องจากช่องแคบบับเอลมันเดบถือเป็นจุดสำคัญสำหรับการสัญจรทางเรือระหว่างทะเลแดงและมหาสมุทรอินเดีย
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน และตอบโต้ต่อกรณีการเสียชีวิตของนายอเล็กซี นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้านรัสเซีย และเป็นคู่ปรับของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวได้รวมถึงชาวรัสเซียและนิติบุคคลของรัสเซียจำนวนกว่า 500 รายชื่อ
สำหรับสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสนั้น รายงานล่าสุดระบุว่าทางการอิสราเอลได้ตัดสินใจที่จะส่งคณะผู้แทนเดินทางไปยังกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ ในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา รวมถึงการปล่อยตัวประกันที่กลุ่มฮามาสจับไว้ในฉนวนกาซา การปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอล และการเพิ่มความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพุธนี้