สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (6 มี.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 79.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. บวก 92 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 82.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์
"เราเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเรามีแนวโน้มอยู่ที่ระดับสูงสุดสำหรับวงจรปัจจุบันแล้ว และหากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เราคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายในปีนี้" นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"ในการพิจารณาปรับเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เราจะทำการประเมินอย่างระมัดระวังต่อข้อมูลที่ได้รับ รวมทั้งแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป และการรักษาสมดุลของความเสี่ยง โดยคณะกรรมการเฟดมองว่ายังคงไม่เหมาะสมที่จะปรับลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย จนกว่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน"
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลงมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาด
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึงไตรมาส 2/2567 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด