สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (15 มี.ค.) จากแรงขายทำกำไร หลังราคาพุ่งทะลุระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. แต่ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐหลังจากเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงตามแผน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 81.04 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 4.07% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 85.34 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 4.02% ในรอบสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากนักลงทุนไม่แน่ใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.หรือไม่ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสูงของสหรัฐสูงเกินคาด ขณะที่นักลงทุนมองว่า หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลงจะทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ
บรรดานักลงทุนขายสัญญาน้ำมันดิบเพื่อทำกำไร หลังจากราคาดีดตัวขึ้น 2 วันติดต่อกัน โดยราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และได้ปัจจัยบวกจากรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่คาดการณ์ภาวะน้ำมันตึงตัวในปีนี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดด้วย