สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (22 มี.ค.) และทรงตัวในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่ความเป็นไปได้ที่จะมีการหยุดยิงในฉนวนกาซาถ่วงราคาน้ำมันดิบลง แต่สงครามในยูเครนและแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐที่ลดลงได้ช่วยลดช่วงติดลบของสัญญาน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 80.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า บรรดานักลงทุนจับตาสถานการณ์ในกาซาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หากการเจรจาสันติภาพประสบผลสำเร็จก็จะทำให้กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนยอมปล่อยให้เรือบรรทุกน้ำมันเดินเรือผ่านทะเลแดง
นายแอนโทนี บลิงเกน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) ว่า เขาเชื่อว่า การเจรจาในกาตาร์นั้นอาจจะทำให้อิสราเอลและกลุ่มฮามาสสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
นายบลิงเกนได้พบปะกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของชาติอาหรับและประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตอห์ เอล-ซิซีของอียิปต์ที่กรุงไคโร ขณะที่ผู้เจรจาในกาตาร์พยายามที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลาประมาณ 6 สัปดาห์
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อสัญญาน้ำมันดิบด้วย โดยทำให้สัญญาน้ำมันดิบสกุลดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ และส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
อย่างไรก็ตาม จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐที่ลดลง และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐได้ช่วยพยุงราคาน้ำมัน
เบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 1 แท่น สู่ระดับ 509 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันในอนาคตจะลดลง
นอกจากนี้ สถานการณ์สู้รบที่รุนแรงขึ้นในยูเครนได้ช่วยพยุงราคาน้ำมัน โดยรัสเซียได้ทำการโจมตีสาธารณูปโภคด้านพลังงานครั้งใหญ่ที่สุดของยูเครนในวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงเคียฟ