สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินนโยบายลดกำลังการผลิต และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซียยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 83.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 87.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดเดือนมี.ค. ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 6.27% และราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้น 4.62% ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นเป็นรายเดือนติดต่อกันเดือนที่ 3
คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัส จะประชุมร่วมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อทบทวนภาวะตลาดน้ำมันและประเมินการดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตของบรรดาชาติพันธมิตร ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า โอเปกพลัสยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันก่อนที่จะถึงวันประชุมรัฐมนตรีกลุ่มพลังงานของโอเปกพลัสในเดือนมิ.ย.
จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital LLC กล่าวว่า การที่ยูเครนเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซียทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว และเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันได้รับแรงบวกจากสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดผลผลิตน้ำมันในอนาคตนั้น ลดลง 3 แท่น สู่ระดับ 621 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของ GDP ประจำไตรมาส 4/2566 ซึ่งระบุว่า GDP ขยายตัว 3.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ที่ระดับ 3.3% และ 3.2% ตามลำดับ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2%
- ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (29 มี.ค.) เนื่องในวัน Good Friday *