ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ (12 เม.ย.) เนื่องจากความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางส่งผลให้ความเสี่ยงของการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้
ณ เวลา 19.00 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่ง 1.17 ดอลลาร์ หรือ +1.38% สู่ระดับ 86.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความกังวลว่าอิหร่านอาจตอบโต้หลังอิสราเอลก่อเหตุโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันให้อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนในสัปดาห์นี้ แม้จะมีปัจจัยกดดันอื่น ๆ เช่น สต็อกน้ำมันของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงสั้น ๆ หลังจากที่ทางสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2567 และคาดการณ์ว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลงอีกในปี 2568
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์นี้ โดยราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI มีแนวโน้มลดลงประมาณ 1%
แหล่งข่าวของสหรัฐระบุว่า สหรัฐคาดว่าอิหร่านจะโจมตีอิสราเอล แต่ไม่รุนแรงมากพอที่จะทำให้สหรัฐเข้าร่วมสงคราม ขณะที่แหล่งข่าวของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านได้ส่งสัญญาณกับสหรัฐว่า จะโจมตีตอบโต้แบบจำกัดเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ขัดแย้งบานปลาย
นักวิเคราะห์จาก ING คาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะกลับมาลดลงอีกครั้ง เว้นแต่จะมีการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางหรือการหยุดชะงักของอุปทานเพิ่มเติม
"เรายังคงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้" นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวเสริม