ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากความคลายกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทานและความขัดแย้งหลังจากที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กลบปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่เติบโตเร็วกว่าที่คาด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานเกินคาด ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
ณ เวลา 18.36 น. ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 0.31 ดอลลาร์ หรือ -0.36% สู่ระดับ 85.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ขยายตัว 5.3% ในไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 4.6% และดีกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่มีการขยายตัว 5.2%
อย่างไรก็ดี ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอหลายรายการ รวมถึงการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ลดลง นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทามาส วาร์กา นักวิเคราะห์จาก PVM กล่าวว่า "ราคาน้ำมันจะไปแตะที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ ก็ต่อเมื่อเกิดการหยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญในการผลิต การจัดหา หรือการขนส่งน้ำมัน แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น"
นอกจากนี้ ตลาดติดตามสถานการณ์อิหร่าน-อิสราเอลอย่างใกล้ชิด โดยนายอิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่านกล่าวในวันนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวนักศึกษาอิหร่านว่า อิหร่านจะตอบโต้ต่อการกระทำใด ๆ ที่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ
ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่อิสราเอลเตือนว่า จะตอบโต้อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธของในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อนึ่ง อิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ภายในกลุ่มโอเปก (OPEC) โดยมีปริมาณการผลิตมากกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน