สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (18 เม.ย.) หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 82.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 87.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดการณ์ว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอาจจะไม่ลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาค โดยล่าสุดสำนักข่าว ABC รายงานโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุว่า อิสราเอลไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการโจมตีอิหร่าน จนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลปัสกา หรือ Passover ของชาวยิว โดยเทสกาลปัสกาจะเริ่มต้นในวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. และสิ้นสุดในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย.
คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลได้จัดการประชุมเมื่อวานนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อิหร่าน ขณะที่สหรัฐและชาติตะวันตกเรียกร้องให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการโจมตีอิหร่าน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง
นักลงทุนประเมินผลกระทบของการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลาซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยรัฐบาลสหรัฐประกาศว่าจะไม่ต่ออายุใบอนุญาตผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นสัญญาณของการกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ไม่ทำตามสัญญาในข้อตกลงการเลือกตั้งที่สหรัฐหนุนหลังเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังได้ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก โดยมาตรการคว่ำบาตรพุ่งเป้าไปที่การผลิตอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) เพื่อตอบโต้กรณีที่อิหร่านใช้โดรนและขีนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี มาตรการครั้งใหม่นี้ สหรัฐหลีกเลี่ยงที่จะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน