สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (19 เม.ย.) หลังอิหร่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับข่าวการโจมตีของอิสราเอล ซึ่งก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ภูมิภาคตะวันออกกลางอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายได้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.50% ปิดที่ 83.14 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดบวก 12 เซนต์ สู่ระดับ 82.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 3 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้าวันศุกร์ หลังจากมีรายงานข่าวว่า มีเสียงระเบิดที่เมืองอิสฟาฮานของอิหร่าน ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าเป็นการโจมตีของอิสราเอล แต่สัญญาน้ำมันดิบได้ลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมา หลังอิหร่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับข่าวดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่าไม่ได้วางแผนที่จะตอบโต้อิสราเอลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังสภาสหรัฐได้เพิ่มการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านหลังจากที่อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ในกลุ่มโอเปก
บรรดานักลงทุนยังคงคาดว่า มีความเป็นไปได้ที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์และคอมเมิร์ซแบงก์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในวันศุกร์ โดยพิจารณาจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และปริมาณการผลิตที่จำกัดของกลุ่มโอเปกพลัส