สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (23 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนหันมาจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และภาพรวมของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 83.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 88.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.38% แตะที่ระดับ 105.676 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคบริการและการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.ของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.4 จากระดับ 50.3 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนี PMI เดือนเม.ย.ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.7
แอนดรูว์ ลิโพว์ ประธานบริษัท Lipow Oil Associates กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มมองข้ามสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ และหันไปจับตาสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ รวมทั้งภาพรวมของความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2567 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค.ของสหรัฐในสัปดาห์นี้
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.230 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 เม.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้