สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันอังคาร (30 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 81.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 87.86 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาเดือนมิ.ย.ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคาร และสัญญาส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 87 เซนต์ สู่ระดับ 86.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 13.15 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ. จาก 12.58 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 ขณะเดียวกัน การส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 4.66 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ. จาก 4.05 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนม.ค.
ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) บ่งชี้ว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.91 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจลดลงราว 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นในช่วงหลายวันมานี้เกี่ยวกับการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส หลังจากมีความพยายามผลักดันครั้งใหม่ที่นำโดยอียิปต์ที่จะรื้อฟื้นการเจรจาที่หยุดชะงักระหว่างสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันเมื่อวันอังคารว่า จะเดินหน้าโจมตีเมืองราฟาห์ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของฉนวนกาซา
บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงิน 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เริ่มขึ้นในวันอังคารนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงหลังสิ้นสุดการประชุมในวันพุธนี้