สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (8 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 78.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 83.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากโรงกลั่นในสหรัฐเพิ่มการผลิตอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะถึงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในช่วงฤดูร้อน โดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 88.5% ของกำลังการกลั่นโดยรวม แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 91% ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) ในวันที่ 27 พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินอยู่ในระดับสูงสุด
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดมีรายงานว่านายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ได้เดินทางเข้าพบนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยนายเบิร์นส์มีบทบาทสำคัญในการเจรจาดังกล่าวที่กรุงไคโรของอียิปต์