สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (9 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด และจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีนซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใช้น้ำมันดิบสูงสุดของโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 79.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 83.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยยอดส่งออกของจีนฟื้นตัว หลังจากที่ร่วงลง 7.5% ในเดือนมี.ค.
ส่วนยอดนำเข้าของจีนในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.8% โดยจีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.235 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 5.855 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ GAC ยังระบุว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 44.72 ล้านตันในเดือนเม.ย. หรือราว 10.88 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวของจีนบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ในฝั่งสหรัฐนั้น สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 22,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย
ข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการชะลอตัวของตลาดแรงงานอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง และเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเตือนว่า สหรัฐจะระงับการส่งมอบอาวุธให้แก่อิสราเอล หากกองทัพอิสราเอลเดินหน้าโจมตีเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ขณะที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า ไม่มีแรงกดดันใดที่จะหยุดยั้งไม่ให้อิสราเอลป้องกันตนเอง และบรรลุวัตถุประสงค์ในการทำสงคราม