สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (13 พ.ค.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในสหรัฐและจีนซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 83.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) คาดการณ์ว่า กิจกรรมการเดินทางในช่วงวันหยุดเนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) ในปีนี้จะอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548
ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในวันพุธนี้
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในช่วงสุดสัปดาห์ว่า ดัชนีผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 3 ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าหน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีน
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 1 มิ.ย. รวมทั้งจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันนี้ (14 พ.ค.) และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธที่ 15 พ.ค.