สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพของสหรัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.76% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 83.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 219,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอลงของตลาดแรงงานและอาจเปิดทางให้เฟดสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ส่วนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ค.) สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดยจะช่วยสกัดการแข็งค่าของดอลลาร์และทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยล่าสุดมีรายงานว่าสันนิบาตอาหรับซึ่งประกอบด้วยชาติอาหรับ 22 ประเทศ มีมติออก "ปฏิญญามานามา (Manama Declaration) " เมื่อวานนี้ เรียกร้องให้สหประชาชาติ (UN) ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในฉนวนกาซา จนกว่าจะมีการดำเนินการตามแนวทางแก้ไขแบบสองรัฐเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
นอกจากนี้ ปฏิญญาดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้มีการยุติการสู้รบในฉนวนกาซาโดยทันที ขณะที่กล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาหยุดยิง