สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (17 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐที่เพิ่มความหวังเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น โดยจีนและสหรัฐเป็นสองประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 83.98 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นราว 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนเม.ย. เนื่องจากการฟื้นตัวในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ จีนยังประกาศขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ที่จะรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตด้วย
การลดลงของสต็อกน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นที่ศูนย์กลางการค้าทั่วโลกได้สร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอุปสงค์ด้วย โดยเปลี่ยนจากแนวโน้มสต็อกที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่าน ๆ มา
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากสหรัฐได้เพิ่มความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยการเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันพุธที่บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย.นั้น ได้สนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ในด้านอุปทานนั้น นักลงทุนจะมองหาทิศทางส่วนใหญ่จากการประชุมโอเปกพลัสที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
โอเล แฮนเซน นักวิเคราะห์ของแซกโซ แบงก์ระบุว่า "ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่น ๆ นั้น ก็มีแนวโน้มว่า ที่ประชุมโอเปกพลัสจะลงมติปรับลดการผลิตที่ระดับปัจจุบันต่อไป"